Một kỹ thuật để tạo ra nấm tự nhiên cách giám mục vào năm 2015.การปลูกเห็ดโคนง่ายๆ (เน้นกับต้น ใผ่) ก่อนอื่นต้องบอกว่าไม่ได้เป็นคนคิดวิธีการ แต่นํามา แบ่งปันความรู้ค่ะ.... วิธีทำ “จาวปลวก” (จาวปลวกหรือหัวปลวก จะเป็นรัง ปลวกที่นางพญาปลวกออกลูกอ่อนอาศัยอยู่) สวนวิธีเพาะ ก็ไม่ยากเพียงแค่เราขอแบ่งจาวปลวกมาเพียงเล็กนอย (ประมาณหนึ่งกํามือ) แล้วนําไปผสมกับข้าวสุก 1 กิโลกรัม จากนั้นให้นําไปแช่ในถังพลาสติก เติมนําเปล่า 20 ลิตร ปิดฝาถังให้มิดชิดวางไว้ในที่ร่ม หมักทิ้งไว้ 7-10 วัน ซึ่ง ในถังหมักจะมีจุลินทรีย์โปรโตซัวชนิดหนึ่ง ซึ่งจะขยาย ตัวเป็นฝาสีขาวลอยเหนือผิวน้ำหมัก หลังจากหมักครบ 7 วันแล้วให้เรานํานํ้าจุลินทรีย์จาวปลวกที่ว่านี้ ไปราดที่จอม ปลวกข้างบ้าน คลุมด้วยเศษฟางข้าวหรือเศษใบไม้ เสร็จ แลวให้รดนําพอชื้น อีกประมาณ 10-15 วัน ก็จะมีเห็ดโ คนโผล่ขึ้นมาให้เรารับประทาน ใครสนใจทดลองทำดู...........จขบ.เคยคุมงานปลูกไม้สักที่บ้านผาทอง อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ สวนสักแห่งนี้จ้าของไม่ให้ใช้สารเคมีแม้แต่ปุ๋ยก็ใช้ขี่ไก่แกลบ ขี้หมู ขี้วัว เป็นหลัก ช่วงไม้สักอายุ4-5ปี พบว่ามีเห็ดโคนขึ้นกระจายทั่วทั้งแปลงไม้สัก1,000ไร่ ช่วงต้นฝนและปลายฝน น่าแปลกมาก (เคล็ดลับเรื่องนี้คืออย่าให้สวนป่าปนเปื้อนสารเคมีพวกยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง และควรปล่อยให้ใบไม้ ใบหญ้าทับถมกันเป็นปุ๋ยบนหน้าดินเพื่อให้ปลวกมีอาหารและขยายแพร่พันธุ์อีกด้วย)ขอบคุณอาจารย์และคุณไผ่ที่ให้เกียรตินำสิ่งที่ผมค้นพบมาลงในแว๊ปนี้ นับว่ากรุณาผมอย่างยิ่งครับ ผมเปิดศูนย์ฝึกอบรมอยู่ในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ชื่อศูนย์เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติเพื่อขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดพิจิตร โดยมีท่านอาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร (อาจารย์ยักษ์) เป็นปรจารย์ที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ โดยเน้นการใช้ศาสตร์ของพระราชา มาขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ จังหวัดพิจิตรมีอาชีพส่วนใหญ่ทำนา ผมจึงได้รับความรู้เรื่องข้าวจากท่านอาจารย์เดชา ศิริภัทร แห่งมูลนิธิข้าวขวัญ ปราช์ญด้านข้าวแห่งสุพรรณบุรี ท่านให้ผมไปหาเชื่อจุลินทรีย์ในป่าลึก เอามาขยายใช้ประโยชน์ เรื่องจุลินทรีย์นี้มีด้วยกันหลายค่าย เช่นค่ายคิวเซ มีอีเอ็มเป็นอาวุธ ค่ายราชการของกรมพัฒนาที่ดิน มี พด.เป็นอาวุธ ค่ายสันติอโศก มีการนำหน่อกล้วย เรียกว่าน้ำพ่อน้ำแม่ ของอาจารย์เดชา ก็จุลินทรีย์จากป่า ค่ายเกาหลี ก็จุลินทรีย์จากใบไผ่ ผมก็เรียนรู้มาทุกค่ายซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งหมด แต่ผมก็คิดว่ายังไม่ที่สุด จึงได้มีเรื่องเล่าในข้างต้นนั้น จากการที่ผมต้องการจะทำให้ฟางย่อยสลายเร็ว ชาวนาจะได้ไม่ต้องเผาฟางทิ้ง ดินจะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม่ธรณีฟื้นขึ้นมา จะทำให้ชาวนา มีกำไรมาก ดังที่ผมและบรรดาสาวกได้นำไปทดสอบในแปลงนามาแล้ว ผลก็คือทำนามีกำไรเพราะใช้ทุนน้อย ต้นข้าวไม่มีเชื้อรามารบกวน ดินร่วนซุน่าจะยมากขึ้น ที่สำคัญจุลินทรีย์จากจาวปลวกนี้น่าจะให้ปุ๋ยฟอสฟอรัสกับพืชได้เลย เพราะสังเกตุจากการหาเห็ดโคนป่า หาตอนกลางคืนจะหาง่ายกว่ากลางวันเพราะเมื่อนำไฟฉายส่องไปตรงพื้นดินที่มีเห็ดโคนเกิดขึ้นอยู่จะเห็นแสงเรือง ๆ สะท้อนให้เราเห็นและสามารถเก็บเห็ดโคนป่าได้ง่าย และเมื่อเข้าไปค้นหาความรู้จากฝ่ายวิชาการ เขาก็บอกตรงกันว่า แสงเรือง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นนั้นเป็นฟอสฟอรัส นั่นก็หมายถึงว่า จุลินทรีย์จากจาวปลวกสามารถให้ฟอสฟอรัสกับพืชได้ ข้อสังเกตุนี้ผมได้ทดลองนำไฟฉายไปส่องในถังจุลินทรีย์ก้เห็นแสงสะท้อน จริง ๆ จึงมั่นใจนำความรู้ไปถ่ายทอดให้สาวกทดลองในแปลงนา บางคนทำนา 100 ไร่ มีกำไรถึงห้าแสนบาท งง กันไปหมด และนำจุลินทรีย์จากจาวปลวกไปย่อยสมุนไพรรสขมเพื่อป้องกันแมลง ก็สามารถย่อยได้เร็วทันใจมีประสิทธิภาพสูง และเมื่อนำไปย่อยหอยเชอรี่ สามารถย่อยเปลือกหอยป่นเป็นผงโดยที่ใช้เวลาหมักไม่มากเท่าไร นัก ความรู้นี้สามารถทำให้เกษตรกรนำไปใช้ในการลดต้นทุนและทำให้อาหารจากพืชผักที่ผลิตออกไปนั้นปลอดภัยจริง ๆ คงเขียนไว้เท่านี้ก่อน เพราะว่าผมยังไม่ชำนาญพอ แค่สมัครเป็นสมาชิก ต้องใช้เวลาเป็นเดือน กว่าจะติดต่อท่านอาจารย์ได้ ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างมากที่จุดประกายความคิดขอผงมในเรื่องเห็ด ผมคิดว่าจะกลับไปทบทวนความรู้และจะลงทุนทำให้เป็นธุรกิจตามที่ผมเคยฝันไว้ตั้งแต่ในครั้งนั้นที่ผมได้ไปอบรมครั้งแรก ครับ ขอขอบคุณมากครับbeasol999จำนวนข้อความ: 7Join date: 01/02/2012Age: 47ที่อยู่: 8 ม.16 ต.หนองปลาไหล อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร 66180ดูข้อมูลส่วนตัว
đang được dịch, vui lòng đợi..
