ดย พีรเดช ทองอำไพ | วันที่เพิ่ม : 1

ดย พีรเดช ทองอำไพ | วันที่เพิ่ม : 15 พฤศจิกายน 2551 | ผู้ชม : 944

คราวที่แล้วได้เล่าให้ฟังถึงความสำเร็จของนักวิจัยในการใช้สมุนไพรที่เรารู้จักกันดีคือ พริก ในการเลี้ยงไก่ และได้ผลดีหลายอย่าง คราวนี้ นักวิจัยทีมเดียวกันซึ่งมี ดร. นวลจันทร์ พารักษา จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ก็ได้ทดลองใช้สารสกัดหยาบจากพริกแดง ในการเลี้ยงหมู เพื่อดูว่าผลที่ได้รับนั้นจะเหมือนกันหรือไม่ การทดลองก็ทำคล้าย ๆ กันคือเอาสารสกัดจากพริกแดงในอัตราต่าง ๆ เหมือนกับที่เคยทดลองใช้กับไก่ผสมในอาหารเลี้ยงหมูสำเร็จรูป แล้วให้หมูอายุ 24 วัน หรือหลังหย่านมกินทุกวัน และก็มีสูตรอาหารสำเร็จรูปที่ผสมยาปฏิชีวนะเพื่อเร่งการเติบโต เป็นตัวเปรียบเทียบ
ผลที่ได้จากการทดลองเลี้ยงหมูที่ผสมสารสกัดจากพริก ไม่ดีเหมือนการทดลองในไก่ในเรื่องของการเติบโต เพราะว่าความเผ็ดจากพริกทำให้หมูกินอาหารน้อยลง ดังนั้นอัตราการเจริญเติบโตจึงไม่ดี สรุปก็คือการใช้สารสกัดจากพริกได้น้ำหนักเพิ่มต่อวันน้อยกว่า เพราะว่าอัตราการกินอาหารต่อวันลดลง ความสามารถในการเปลี่ยนอาหารให้กลายเป็นเนื้อก็ลดลง จึงทำให้การเพิ่มน้ำหนักต่อวันลดลง ส่วนการศึกษาดูว่าการใช้สารสกัดจากพริกจะช่วยลดความเครียดของหมูลงได้หรือไม่ ก็ได้ผลที่ยังไม่ชัดเจนนัก จึงยังตอบไม่ได้ว่าใช้ได้ผลดีหรือเปล่า แต่สิ่งที่ได้และเป็นประโยชน์ที่สำคัญมากกว่าการเรื่องของการเติบโตคือ การใช้สารสกัดจากพริกสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโรคอหิวาห์ในหมูได้ ซึ่งเรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง

ในการทดลองนี้ได้มีการใช้น้ำมันกระเพราและน้ำมันจากออริกาโนในบางสูตรของอาหารที่ใช้เลี้ยงหมูด้วย ซึ่งก็พบว่าน้ำมันกระเพราะไม่ได้มีฤทธิ์เสริมสารสกัดจากพริก และไม่ได้ช่วยในเรื่องของการเติบโต แต่ว่าน้ำมันออริกาโนให้ผลดีกว่า และได้ผลพอ ๆ กับการใช้ยาปฏิชีวนะ อย่างไรก็ตาม ทั้งพริกและกระเพราเมื่อกินติดต่อกันตลอดการทดลอง ก็ไม่มีผลต่อตับและไต ดังนั้นจึงอาจเรียกได้ว่าการใช้สมุนไพรนี้ค่อนข้างปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ความมุ่งหมายเดิมที่ต้องการใช้สารสกัดจากพริกในการเร่งการเจิญเติบโต เพราะเชื่อว่าสารสกัดจากพริกน่าจะช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร และน่าจะทำให้การนำอาหารไปเปลี่ยนเป็นเนื้อได้ดียิ่งขึ้นนั้น ถึงแม้ว่าผลที่ได้จะไม่เด่นชัดนักเพราะกลายเป็นว่าหมูกินอาหารน้อยลงเพราะความเผ็ดจากพริก ดังนั้น จุดนี้จึงกลายมาเป็นโจทย์วิจัยต่อไปได้ว่า ทำอย่างไรจึงจะให้หมูได้รับสารสกัดจากพริกเข้าไปโดยไม่เผ็ด และเมื่อเข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหารแล้ว ค่อยแสดงผลออกมา เรื่องดังกล่าวนี้มีความเป็นไปได้ แต่คงต้องขอโอกาสให้นักวิจัยได้ไปทดลองหาวิธีกันก่อน ซึ่งคาดว่าเมื่อได้ผลออกมาแล้ว ก็คงต้องมาทดลองกันใหม่ว่าสารสกัดจากพริกนั้น น่าจะมีประโยชน์ต่อการเลี้ยงหมูหรือไม่เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

Kết quả (Việt) 1:

Det ดย phin | ampai vàng thêm: 944 lượt truy cập: 2551 11 |.Lúc đó, sự thành công của các cuộc đàm phán với các nhà nghiên cứu trong việc sử dụng các loại thảo mộc, mà chúng tôi biết rõ là ớt gà và trong một số hoạt động thời gian này. Cùng một nhóm các nhà nghiên cứu tiến sĩ Nuanchantha việc điều trị có đại học Kasetsart. Kamphaeng Saen Nó đã được thô từ thử nghiệm chiết xuất hạt tiêu đỏ trong con lợn để xem nếu kết quả là như nhau? Nó làm cho thử nghiệm tương tự là trong loại bỏ hạt tiêu đỏ chất chiết xuất từ khác nhau tỷ lệ là tương tự như được sử dụng trong một thử nghiệm đối với một bữa ăn gà, thịt lợn, thịt lợn, 24 tuổi, đã hoàn thành hoặc sau khi uống sữa mỗi ngày, và họ đã ly dị đã hoàn thành trộn thuốc kháng sinh để tăng tốc phát triển như là một so sánh.ผลที่ได้จากการทดลองเลี้ยงหมูที่ผสมสารสกัดจากพริก ไม่ดีเหมือนการทดลองในไก่ในเรื่องของการเติบโต เพราะว่าความเผ็ดจากพริกทำให้หมูกินอาหารน้อยลง ดังนั้นอัตราการเจริญเติบโตจึงไม่ดี สรุปก็คือการใช้สารสกัดจากพริกได้น้ำหนักเพิ่มต่อวันน้อยกว่า เพราะว่าอัตราการกินอาหารต่อวันลดลง ความสามารถในการเปลี่ยนอาหารให้กลายเป็นเนื้อก็ลดลง จึงทำให้การเพิ่มน้ำหนักต่อวันลดลง ส่วนการศึกษาดูว่าการใช้สารสกัดจากพริกจะช่วยลดความเครียดของหมูลงได้หรือไม่ ก็ได้ผลที่ยังไม่ชัดเจนนัก จึงยังตอบไม่ได้ว่าใช้ได้ผลดีหรือเปล่า แต่สิ่งที่ได้และเป็นประโยชน์ที่สำคัญมากกว่าการเรื่องของการเติบโตคือ การใช้สารสกัดจากพริกสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโรคอหิวาห์ในหมูได้ ซึ่งเรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งในการทดลองนี้ได้มีการใช้น้ำมันกระเพราและน้ำมันจากออริกาโนในบางสูตรของอาหารที่ใช้เลี้ยงหมูด้วย ซึ่งก็พบว่าน้ำมันกระเพราะไม่ได้มีฤทธิ์เสริมสารสกัดจากพริก และไม่ได้ช่วยในเรื่องของการเติบโต แต่ว่าน้ำมันออริกาโนให้ผลดีกว่า และได้ผลพอ ๆ กับการใช้ยาปฏิชีวนะ อย่างไรก็ตาม ทั้งพริกและกระเพราเมื่อกินติดต่อกันตลอดการทดลอง ก็ไม่มีผลต่อตับและไต ดังนั้นจึงอาจเรียกได้ว่าการใช้สมุนไพรนี้ค่อนข้างปลอดภัยอย่างไรก็ตาม ความมุ่งหมายเดิมที่ต้องการใช้สารสกัดจากพริกในการเร่งการเจิญเติบโต เพราะเชื่อว่าสารสกัดจากพริกน่าจะช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร และน่าจะทำให้การนำอาหารไปเปลี่ยนเป็นเนื้อได้ดียิ่งขึ้นนั้น ถึงแม้ว่าผลที่ได้จะไม่เด่นชัดนักเพราะกลายเป็นว่าหมูกินอาหารน้อยลงเพราะความเผ็ดจากพริก ดังนั้น จุดนี้จึงกลายมาเป็นโจทย์วิจัยต่อไปได้ว่า ทำอย่างไรจึงจะให้หมูได้รับสารสกัดจากพริกเข้าไปโดยไม่เผ็ด และเมื่อเข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหารแล้ว ค่อยแสดงผลออกมา เรื่องดังกล่าวนี้มีความเป็นไปได้ แต่คงต้องขอโอกาสให้นักวิจัยได้ไปทดลองหาวิธีกันก่อน ซึ่งคาดว่าเมื่อได้ผลออกมาแล้ว ก็คงต้องมาทดลองกันใหม่ว่าสารสกัดจากพริกนั้น น่าจะมีประโยชน์ต่อการเลี้ยงหมูหรือไม่เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง