พี่พีอ่ะ แกดูนี่ดิพี่พีชนะครั้งที่เจ็ดสิบแล้วอ่ะฮืออ”ยัยหัวหน้าห้องกระโดดกรี๊ดกร๊าดอยู่กับกลุ่มเพื่อนสาวที่หน้าห้องเรียนของคลาส Singer พลางชี้นิ้วไปยังจอไอแพดมินิที่กำลังอัพเดทโปรไฟล์ของนักเรียนในคลาสเรสซิ่งคาร์คนหนึ่งอยู่ พวกเธอดูคลั่งไคล้กับภาพร่างสูงผมเซอร์ๆสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังยืนพิงรถแต่งทำหน้าตาเย่อหยิ่งบนหน้าโปรไฟล์นั่นเสียจนแทบทรุดลงไปกองเสียสติกับพื้น และเพราะเสียงรบกวนพวกนั้นทำให้เขาไม่มีสมาธิซ้อมร้องเพลงที่จะต้องสอบในช่วงบ่ายของวันนี้เลยแม้แต่พารากราฟเดียว“น่ารำคาญชะมัด”เด็กหนุ่มเบ้หน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปหาที่เงียบสงบอยู่ ปกติก็ไม่ชอบพวกที่วันๆเอาแต่เหยียบคันเร่งพ่นก๊าซพิษออกมาจากท่อไอเสียอยู่แล้ว มลพิษสังคมชัดๆแต่ก็นั่นแหละที่แปลกเพราะคลาสที่โดดเด่นที่สุดในระบบอาฟเตอร์สคูล ของสถาบัน Absolut Degrees ที่นี่ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ใหญ่ที่สุดและถูกยอมรับมากที่สุดในโซลก็ไม่พ้นคลาส Racing Cars บ้านั่น ซึ่งเขาก็ไม่เห็นว่ามันจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องแบบนั้นซักนิด นอกจากวันๆจะเอารถแต่งท่อดังเหมือนเสียงคำรามผีบ้าประสาทเสียออกมาขับอวดโชว์ตั้งแต่มีการเปลี่ยนระบบการเรียนในเกาหลีใต้ให้มีระบบ ‘อาฟเตอร์สคูล(After school)’ เด็กอายุครบ18ปีบริบูรณ์ซึ่งเรียนจบการศึกษาภาคบังคับจากไฮสคูลหรือมัธยมศึกษาปีที่6 ก็ต้องถูกส่งเข้ามาเรียนในระบบอาฟเตอร์สคูลอีกสองปีเพื่อแยกสายอาชีพในอนาคตที่ชัดเจนก่อนเข้ามหาวิทยาลัยทุกคน ระบบของที่นี่จึงมีหมดทุกสายงานรองรับไม่มีทางตกงานแน่นอนก่อนถูกแยกไปตาม Class เราทุกคนจะถูกคัดจากเครื่องสแกนสมองของกระทรวงศึกษาธิการแทนการสอบวัดผลที่ไม่สามารถครอบคลุมได้ทั่วถึง ว่าสมควรถูกส่งไปอยู่ในคลาสไหนมากที่สุด อย่างของเขาถูกคัดมาอยู่ในคลาสฝึกฝนการเป็นนักร้อง ซึ่งเป็นไปตามที่หวังแต่แรก เพราะเขามีพรสวรรค์ชื่นชอบและรักมันจริงๆ
กฎข้อแรกของที่นี่คือ จะต้องมีการแข่งขันภายในคลาสอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งกับใครก็ได้ในคลาสเดียวกันเพื่อสะสมสถิติเอาไว้ชิง Diamonds หรืออัญมณีทรงคุณค่า หากได้ครอบครองมันจะเป็นเกียรติแก่วงตระกูลไปจนถึงรุ่นลูกหลานเลยก็ว่าได้ ยิ่งแข่งมากอัตราชนะก็มีมาก แต่ถ้าหากแข่งแล้วแพ้ก็มีสิทธิ์สอบตกเช่นเดียวกัน
เพราะแบบนี้ในทุกคลาสตั้งแต่ Singer , Entertainer , Musical , Racing Cars , Laws , Physician , Police , Teacher , Soldier , Artist , Business และอีกมากมาย มีทุกคลาสทุกสายอาชีพที่สังคมยอมรับบุคคลที่ได้ศึกษาใน Absolut Degrees จึงมักแก่งแย่งชิงดีกันตลอดเวลา
หากเรียนจบจากที่นี่ได้อนาคตของคุณไปได้ไกลแน่นอน มีมหาวิทยาลัยสากลยื่นโควตารอคุณจบจากที่นี่กว่าห้าสิบสถาบัน ปีล่าสุดนักเรียนดีเด่นจากคลาสเรสซิ่งคาร์ได้ไปเป็นนักแข่งอยู่ที่บราซิลทั้งที่อายุแค่19 ก็เพราะไม่เว้นแม้แต่คลาสแปลกประหลาดอย่างนักแข่งรถซึ่งที่อื่นไม่มี คิดดูว่า Absolut Degrees ครอบคลุมไปถึงไหนแล้ว
ตั้งแต่ระบบนี้กำเนิดขึ้นมา ปีนี้เป็นปีที่ครบหนึ่งร้อยพอดี และสถิติคลาสที่ได้ Diamonds ไปครองมากที่สุดถึง 54ครั้ง ลองเดาดูสิว่าคลาสไหนได้สถิตินั้นไป ก็คลาส Racing Cars ไงล่ะ เพราะแบบนี้คลาสนี้ถึงได้มีเงินทุนจากศิษย์เก่ามาสนับสนุนและใหญ่ที่สุดในบรรดาคลาสทั้งหมด
กฏข้อที่สอง ทุกคนจะมี ‘Code Name’ เป็นของตัวเอง และห้ามเปิดเผยชื่อจริงของคุณให้ผู้อื่นรู้โดยเด็ดขาดแม้จะเป็นคนสนิทหรือเพื่อนก็ตาม เพื่อกันข้อกังขาและบรรทัดฐานเรื่องของฐานะหรือครอบครัว การอยู่ร่วมกันสองปีที่นี่จึงต้องรักษากฎข้อนี้อย่างเคร่งครัดที่สุดจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา
กฎข้อที่สาม ห้ามก่อการวิวาทใดใดทั้งสิ้นในสถานศึกษา ไม่มีข้อยกเว้นว่าใครผิดหรือถูกหรือต้นเหตุมาจากอะไร เพราะฉะนั้นข้อนี้ก็จำเป็นต้องรักษาให้ดีเช่นเดียวกัน
การทำผิดกฎหรือแข่งขันแพ้จะทำให้แถบชิพสีเขียวทีถูกฝังเข้าไปในข้อพับแขนค่อยๆลดลงทีละขีดจากทั้งหมดห้าขีดต่อหนึ่งเทอม นั่นหมายความว่าระยะเวลาในสามเดือน/เทอมห้ามผิดกฎหรือแข่งขันแพ้เกินห้าครั้ง เพราะเมื่อแถบชิพลดลงจนหมดระบบชิพจะสั่งการให้คนๆนั้นถูกทัณฑ์บนทันที
ทุกคนจะมีหน้าโปรไฟล์หรือIDเป็นของตัวเองในระบบเพื่อแสดง Status ว่าแข่งชนะหรือแพ้ไปกี่ครั้งแล้ว มันจะโชว์ประวัติทุกอย่างยกเว้นชื่อ-นามสกุลจริง ให้ผู้ที่มีไอดีเห็น ซึ่งก็คือนักเรียนใน
Yeah we got the fire, fire, fire
And we gonna let it burn, burn, burn
burn!
เสียงดังกระหึ่มจากเครื่องยนต์และเสียงท่ออันแสนเร้าใจตีแผ่วงกว้างไปตามท้องถนนที่ทอดยาวไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความเร็วและแรงเสียดสีของล้อรถกับพื้นถนนทำให้ร่างสูงที่กำลังนำพารถสปอร์ตคู่ใจแสนปราดเปรื่องยิ่งดูสง่างามราวกับหลุดออกมาจากหนังไรซิ่งคาร์ฟอร์มยักษ์ ฝ่าเท้าหนักๆเหยียบคันเร่งเครื่องยนต์หมุนพวงมาลัยมาจนถึงโค้งสุดท้ายของถนน
เส้นชัยตรงหน้ามีหญิงสาวในชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้นยืนถือซองสีน้ำตาลไว้ในมือ
'เป็นธรรมเนียมที่รู้ๆ กัน จะแข่งไปเพื่ออะไรก็ช่างของเดิมพันคือผู้หญิงและเงิน'
หลังถึงเส้นชัยภายใต้รถยุโรปราคาแพงหูดับ มุมปากหยักได้รูปกระตุกยิ้มอย่างมีชัย บานประตูถูกเปิดออกก่อนปลายเท้าหนักจะนำพาร่างสูงเมตรแปดสิบเจ็ดสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำสนิทเดินลงมาจากรถเพื่อประจันหน้ากับคู่แข่งในค่ำคืนนี้ ต่อมาไม่ถึงห้าวินาทีเสียงล้ออีกคันก็จอดเทียบลงข้างๆ
“บัดซบเอ้ย” เจ้าของคำพูดปิดประตูรถเสียงดังอย่างอารมณ์เสีย
“กูชนะ” เสียงเข้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ เส้นผมสีดำสนิทพริ้วไปตามแรงมือที่ยกขึ้นสางและขยี้มันอย่างเคยชิน
“ครั้งหน้ากูไม่แพ้แน่”
“กูไม่แข่งกับใครเป็นครั้งที่สองมึงก็รู้” ปากคาบบุหรี่ตอบเพียงแค่นั้น “แพ้ก็เงียบปากไปเหอะ”
“ไอ้เชี่ยพี”
คนแพ้แล้วพาลเตรียมลุกเสยหน้าหล่อๆนั่นซักทีสองทีให้หายหมั่นไส้ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าหากทำอะไรลงไปคนๆ นี้จะไม่มาร่วมทีมแข่งกับตนแน่นอน ยังไงมันก็ยังมีประโยชน์อยู่อีกอย่างเขายังไม่อยากทำผิด ‘กฏ’ตั้งแต่ต้นเทอมแบบนี้
“กูว่ามึงมาอยู่กับทีมกูดีๆ เถอะว่ะ ถ้าชนะงานนี้ห้าสิบล้านวอน มึงได้ไปยี่สิบล้านวอนเหนาะๆ มีแต่ได้กับได้” อีกฝ่ายพยายามโน้มน้าวใจ
“มึงแพ้ละ อย่ามาต่อรอง”
พูดจบร่างสูงก็จัดการเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างในรถที่สตาร์ททิ้งไว้ อยู่ไปก็เสียเวลา แข่งเป็นทีมน่ะหรอ คนอย่างเขาไม่ลงแข่งให้เมื่อยน่อง
ดวงตาคมกริบส่งสายตาให้หญิงสาวผู้เป็นของเดิมพัน เพียงเท่านั้นเธอก็แทบจ
đang được dịch, vui lòng đợi..